top of page
รูปภาพนักเขียนVitchatalum Laovanich

ห้องพักครูดนตรีของผม

ห้องพักครูของผมเป็นห้องพักครูที่ไม่เหมือนกับห้องพักครูอื่นๆ เพราะมันไม่ได้เป็นที่พักของครู แต่มันเป็นห้องพักของนักเรียนในโครงการศิลปวัฒนธรรมและการแสดงซะมากกว่า ลองจินตนาการตามกันดูนะครับ ในวันที่โรงเรียนเปิดผมจะมาถึงโรงเรียนประมาณ 6.15 น. (ไม่ได้ขยันนะครับแต่มาเพื่อนอนต่อที่โรงเรียน) เวลาประมาณ 6.30 น.จะมีนักเรียนคนแรกเริ่มมาถึงห้อง แล้วเร่ิมมานั่งทำงาน หรือทำการบ้าน หรือไม่ก็มาเปิดเพลงฟัง จากนั้นก็จะทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ 


ประมาณ 7.30 น. ก็จะมีนักเรียนมาเต็มห้องเพื่อมาเตรียมซ้อมนาฏศิลป์ ซ้อมดนตรีไทย ในช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติ จากนั้นก็จะมีนักเรียนสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียน มาเรียนกันตลอดทั้งวัน ในช่วงเที่ยงจะมีนักเรียนมาซ้อมๆๆๆ มาคุยๆๆๆ มาจีบๆๆๆๆ กันในห้องบ้างเป็นระยะๆ ผมนั่งในห้องนี้จะทำให้ทราบข้อมูลของเด็กๆ ว่า ใครชอบใคร ใครเกลียดใคร ใครกำลังจะมีปัญหาอะไรกับใคร อยู่เสมอๆ (แต่ผมคิดว่าเด็กๆ ไม่รู้หรอกว่าผมกำลังแอบฟังอยู่เพราะส่วนใหญ่ผมแกล้งทำเป็นทำงาน แต่จริงๆ หูนี่แทบจะได้ยินทุกเรื่องที่เด็กๆ คุยกัน 555 )


หลังจากเลิกเรียนนี่จะเป็นเวลาของพวกเด็กๆ เลยครับ จะมารวมกลุ่มทำกิจกรรมจนถึงเย็น


ดังนั้นห้องผมแทบไม่เคยว่างเลย 


ผมเคยคิดอยากมีต้องทำงานที่สงบๆ บ้างเหมือนกันครับดังนั้นเวลาผมต้องการทำงานที่ใช้สมาธิมากๆ ถ้าผมเห็นว่าเด็กๆ กำลังคุยเล่นกันเสียงดังมากเกินไป ผมก็จะหันไปดุเด็กๆ  แต่ถ้าหันไปแล้วพบว่าเด็กๆ กำลังซ้อมดนตรี หรือ ซ้อมกลองยาวประมาณ 10 ใบ ตีพร้อมๆ กัน ผมก็จะ.........เดินออกนอกห้องไปหาที่ทำงานที่สงบๆ ที่อื่น ตอนนี้ผมลงทุนซื้อหูฟังมาอุดหูหากต้องการทำงานที่ต้องใช้สมาธิมากๆ แต่ถ้าต้องใช้สมาธิมากจริงๆ ก็คงต้องไปนั่งทำงานที่้ร้านกาแฟ (นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผลได้บัตรทองสตาร์บัค)


สิ่งที่ผมได้เห็นจากการนั่งทำงานห้องพักครูดนตรีของผมคือ พื้นที่ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับวัยรุ่นครับ เวลาเด็กๆ ในโครงการไม่รู้ว่าจะไหน เขาก็จะมาที่ห้องนาฏศิลป์ มาที่ห้องดนตรี ช่วงปิดเทอมเขาก็จะมารวมตัวกันที่ห้องดนตรี เวลามีปัญหาเขาก็จะมาคุยกันที่ห้องดนตรี เวลาอยากจะทำงานอะไรสักอย่างเขาก็จะมาที่ห้องดนตรี หรือแม้กระทั่งจะจีบกันก็มาที่ห้องดนตรี เพราะผมบอกกับเด็กๆ ว่า ห้องนี้เป็นห้องของพวกเรา เป็นห้องของคนที่ทำงานให้โรงเรียน ใครอยู่ในโครงการก็จะมีสิทธิพิเศษในการใช้ห้อง และก็พยายามให้พวกเขาช่วยกันดูแลรักษา และที่สำคัญคือ เด็กๆ เขาอยู่ในสายตาของเรา 


ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผมจึงมีความสุขมากในการทำงานในที่ที่มันน่าจะหนวกหูมากที่สุดที่นึงในโรงเรียน


ที่เขียนขึ้นมานี่ก็เพราะวันพรุ่งนี้จะมีงานซ้อมใหญ่ละคร ม.6 เป็นละครที่เกิดจากความตั้งใจของเด็กๆ ซึ่งผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องละครเลย บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเวลาเด็กๆ จะทำละครต้องวิ่งมาหาผม เวลาไม่มีตังทำฉากก็วิ่งมาหาผม 555 แต่นึกไปนึกมาก็คงเป็นเพราะว่า ผมเผอิญไปนั่งทำงานอยู่ในพื้นที่ของเด็กๆ กระมังครับ


เอาเข้าจริงๆ คือ ปีนี้ผมยังไม่ได้ไปช่วยดูเลยในปีนี้ แต่คิดว่าน่าจะออกมาดีเหมือนทุกปี เพราะพวกเขาใช้พื้นที่เล็กๆ ในโรงเรียนนี้ในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่พวกเขารัก กับเพื่อนที่พวกเขารัก และงานศิลปะที่เขาชื่นชอบ 

ดู 90 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page