top of page
รูปภาพนักเขียนVitchatalum Laovanich

ประสบการณ์บรรเลงดนตรีต่อหน้าพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี


ประสบการณ์ที่หาที่สุดมิได้ในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง กับบรรเลงเดี่ยวซอด้วง ต่อหน้าพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี และ พระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา

จริงๆ แล้วงานนี้ดูเหมือนเป็นการไปร้องเพลงทั่วๆไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมเริ่มชาชินกับการแสดง concert ร้องประสานเสียงมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตอนแรกก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะชีวิตกำลังยุ่งวุ่นวายมาก เดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องไปแข่งอีก กลัวไม่มีเวลาซ้อมเพลงแข่ง

แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไปเพราะคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรที่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ที่ไหนได้!!!!!!!!! งานนี้กลับกลายเป็นว่าภาระกิจครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากครั้งหนึ่งในชีวิตของผม เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากการไปภาระกิจของมหาวิทยาลัยที่อเมริกา และมีเวลาซ้อมเพลงและท่องจะเพลงทั้งหมดที่ยังไม่มีในหัวเลยเยอะมากกกกก ในเวลาที่จำกัดมากๆ (โดยเฉพาะภาษาเขมรนี่เป็นอะไรที่จำยากมาก) คนที่ใกล้ชิดผมจะทราบดีว่า ตารางผมแน่นขนาดไหน

ระหว่างที่กำลังท้อมากๆ ก็ได้รับแจ้งว่าทางสถาณฑูตว่าขอการแสดงเพิ่มเนื่องจากจะไปมีการพักครึ่งเวลา งานเข้าครับพี่น้อง ครูดุษแจ้งไปว่าให้ผมเดี่ยวซอ ซึ่งผมไม่ได้จับซอเดี่ยวมาหลายปีแล้ว โดนทีงานใหญ่เลย

ในสภาพที่ผมไม่มีเวลาซ้อมเลย ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวว่าไม่มีทาง ผมไม่อยากไปเน่าๆ บนเวที แต่สวรรค์คงมีตาทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า คุณป่านครับถ้าคุณปฏิเสธโอกาสนี้ ชาติไหนถึงจะได้มีโอกาสแสดงต่อหน้าพระพักตร์ให้พระมหากษัตริย์อีก ดังนั้น จึงตัดสินใจรับปากว่าจะแสดง ก่อนขึ้นเวทีผมไม่สบายมากๆ เป็นภูมิแพ้แบบไม่สามารถควบคุมน้ำมูก และน้ำตาได้ กินยาแก้แพ้ไปเยอะมาก จนเบลอ ในหัวแบบว่ามีแต่เนื้อเพลงที่ยังไม่แม่น ต้องยืนตรงไหน ระหว่างร้องเพลงเสร็จต้องมาเปลี่ยนชุดแล้วรีบขึ้นไปแสดงต่อยังไง แล้วจะฝากลูกไว้กับใครในจังหวะที่เปลี่ยนชุด ฯลฯ


พอขึ้นเวทีไปเท่านั่นแหล่ะครับ ผมยอมรับว่าไม่เคยเห็นพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี และ พระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา มาก่อน เพียงแค่เห็นแว็ปแรกนี่คือ เข้าใจถึงคำว่าบารมี ออร่า ความเป็นอะไรที่พิเศษ เหนือคำบรรยายครับ หลังจากที่พวกเราร้องเพลง Monica ซึ่งเป็นเพลงของพระบามสมเด็จนโรดม สีหนุ ที่ได้ทรงประพันธ์ไว้ ให้พระราชินี Monique ซึ่งเจ้าตัวประทับนั่งฟังอย่างตั้งใจ พอร้องจบ พระวรราชมารดา ลุกขึ้นยืนปรบมือให้ แค่นี้ก็มีความสุขล้นแล้วครับ

เอาหล่ะครับตอนพักครึ่งนี่ ถึงคิวผมต้องแสดงเดี่ยวแล้ว ตอนอยู่ข้างเวทีเพื่อเตรียมสีซอก็ตื่นเต้นมาก ยกมือขึ้นท่วมหัวขอบารมีครูบาอาจารย์ช่วยผมด้วย จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับน้องชายของผม (มือกลองประจำตัว ) และมือฉิ่งหน้าใหม่พี่เพิ่งหัดตีได้ 1 รอบก่อนแสดงจริง 5555

สิ่งที่แปลกคือ วินาทีที่เร่ิมสีซอ ผมรู้สึกสงบมากบนเวทีแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน ไม่มีความตื่นเต้นใดๆ จิตใจของผมอยู่แต่กับเสียงซอ โทน รำมะนา และ ฉิ่ง ซึ่งยังก้องดังอยู่ในหัวของผมจนถึงตอนนี้ ผมไม่ใช่คนเก่งอาจหรือมีฝีมือดนตรีดีเหมือนใครๆ ผมไม่ทราบหรอกว่าคนเข้าจะเข้าใจสิ่งที่ผมบรรเลงหรือไม่ ไม่ทราบว่าจะถูกใจใครไหม ไม่รู้ว่ามันไพเราะหรือเปล่าสำหรับใครๆ แต่การแสดงในวันนี้ทำให้ผมบอกกับตัวเองได้เลยว่าเป็นการบรรเลงซอที่ดีที่สุด ภูมิใจในความเป็นไทย และความเป็นตัวเองมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม นี่ยังนั่งนึกกับตัวเองอยู่เลยว่า คนเราต้องทำบุญมาแบบไหนถึงได้มีโอกาสแบบนี้

ขอบคุณป้องน้องชายสุดที่รัก(มือกลอง) Pilerm Laovanichน้องเอย(มือฉิ่งจำเป็น) Thanya Ritta Eoilamuและสมาชิกนักร้องสวนพลูที่ร่วมแสดงบนเวที กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ของผมทุกท่าน ขอบคุณสวนพลูคอรัสที่นำพาผมไปในที่ที่น้อยคนนักจะได้ไป กราบขอบพระคุณครูดุษ ดุษฎี พนมยงค์ และครูแป๋ว ที่ทำให้ผมยังจำได้ว่าผมเป็นคนซอด้วง ขอบคุณครอบครัวของผม ที่เข้าใจและทำให้ผมเป็นผมในทุกวันนี้ ขอบคุณภรรยาPooky Promsukkul ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และ ปาวานที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 555 ขอบคุณทุกคนมากๆ ครับ

ดู 148 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page