ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอวยพรวันเกิดของผมในปีนี้นะครับ ขอให้ทุกคำอวยพร ย้อนกลับไปหาทุกท่านเช่นกันนะครับ ปีนี้เป็นอีกปีที่มีหลายๆ เรื่อง สิ่งที่ไม่เคยพบก็ได้พบ สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น เป็นปีที่ต้องใช้สติ และปรับตัวแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน อย่างไรก็ตามผมขอบันทึกข้อคิดที่ผมพอจะนึกออกไว้ให้อ่านเล่นๆ กันนะครับ
1. วันเกิดเป็นวันที่สุดแสนจะวิเศษ
แต่ก่อนผมเป็นคนที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองเท่าไรนัก ก็คิดว่าเป็นวันวันหนึ่งเท่านั้นเอง จนวันที่ผมมีลูกนี่แหล่ะ ผมถึงเข้าใจว่าวันเกิดมีความสำคัญมากขนาดไหน และก็เข้าใจว่าผมโชคดีขนาดไหนที่ได้เกิดมา ทุกสิ่งในชีวิตเรามันเริ่มตั้งจากวันเกิด สิ่งที่มีที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันก็มาจากจุดเร่ิมต้นในวันเกิด ซึ่งเป็นวันที่เราถูกแวดล้อมไปด้วยคนที่เรารัก และรักเรา
2. ชีวิตช่างมีความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้
สถานการณ์ Covid-19 ทำให้เราเห็นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น งานที่มั่นคงก็ดูเหมือนจะสั่นคลอน บริษัทใหญ่ๆ ล้มเป็นแถว ตอนวิกฤตต้มยำกุ้งผมยังเป็นเด็กเกินไป ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ตอนนี้เข้าใจเลยว่าความหลอนเป็นยังไง แต่จริงๆ ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิตตั้งแต่วิกฤตนำ้ท่วมใหญ่ที่ผ่านมาแล้วหล่ะ ตอนนั้นผมนั่งคิดว่า ชีวิตคนทั้งกรุงเทพฯ เนี่ยบางทีมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งค้ำยันบางอย่างแค่นั้นเอง ถ้าเขื่อนแตกขึ้นมาสักเขื่อน ก็คงไปกันหมด จริงๆ วิกฤตแบบนี้ก็มีคนพูดคนเตือนอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่วิกฤตครั้งต่อไป ผมว่ามันก็หนีไม่พ้นเรื่อง โลกร้อน สิ่งแวดล้อม ที่ยังไงมันก็เกิดแน่ๆ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ กลัวว่ามาแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้ แล้วก็ ตูมมมมมมมมม
3. โลกเราเป็นเหมือนกระจกเงาบานใหญ่
ผมค้นพบความจริงข้อนึงว่า โลกเราก็เหมือนกระจกเงาบานใหญ่ เราใส่อะไรเข้าไป สิ่งนั้นมันก็จะย้อนกลับมาหาเรา เพียงแต่ว่าเราไม่รู้ว่ามันจะย้อนกับมาเมื่อไร บางทีก็เร็ว บางทีก็ช้า ดังนั้น จงใส่แต่สิ่งดีๆ เข้าไป พยายามมีสติไม่โยนของไม่ได้ ของเสีย ด่า ว่า คิดไม่ดีกับใคร เพราะสิ่งนั้นมันจะย้อนมาหาตัวเราในสักวัน ปีนี้แบบว่าพยายามเลิกพูดว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย โน่นนี่นั้น ก็ได้ผลอยู่นะครับ มีเรื่องดีๆ เข้ามาเยอะอยู่พอควร
4. เราควร คิด พูด และ ทำ ในทิศทางเดียวกัน
ช่วงนี้เห็นแบบว่ามีไลฟ์โค้ช แบบว่าเป็นประเด็นมากมาย ผมเห็นว่าจริงๆ แล้วมันก็เกิดจากการที่เขาเหล่านั้น คิดอย่าง พูดอย่าง แล้วก็ทำอีกอย่าง ไม่เป็นไปตามที่พูด ที่สอนคนอื่น บางทีที่ผมไม่ค่อยอยากสอน หรือไม่ค่อยกล้าสอนใครเพราะยังรู้ตัวเองดีว่า มันยังทำไม่ได้อย่างที่พูด แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ เห็นคนแบบนี้เยอะอ่ะ สอนคนโน้นคนนี้ แล้วชีวิตตัวเองแบบว่า เออะ!!!!!! แต่โดยส่วนตัวผม ผมก็นำคำสอนของหลายๆ คน แม้กระทั่งคนที่พูดอย่างทำอย่างนั่นแหล่ะ มาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตของตัวเอง เพราะหลายอยากที่เขาพูด เขาสอน ก็เป็นสิ่งที่ดี อาจเหมาะกับเราก็ได้ ส่วนตัวคนพูดจะทำได้หรือไม่ ผมก็ไม่ค่อยสนล่ะ เพราะเราอายุมาล่ะ มีวิจารณญานในการเลือกอยู่พอสมควร แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวก็พยายาม คิด พูด และ ทำในทิศทางเดียวกัน มีทำได้ไม่ได้บ้างก็ว่ากันไป
5. การมีงานทำนั้นสำคัญมาก แต่ครอบครัวสำคัญที่สุด
ส่วนตัวผมคิดว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม แต่ก่อนตอนรุ่นๆ ทำงานหนัก แล้วก็คิดว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ อะไรประมาณนี้ พออายุมากเข้าก็รู้ว่า "ถึงมึงไม่ทำ ก็มีคนอยากมาทำแทนมึงเยอะแยะ 55555" แถมคนรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ทำงานเก่ง แล้วต้องการโอกาสอยู่แล้ว. แต่ผมก็ยังตั้งใจทำงานนะครับ (เดี๋ยวเจ้านายมาเห็นจะหาว่าไม่สนใจทำงาน) แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนเราทำงานอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ผู้คนก็เข้าหาเรา พอหมดตำแหน่งมันก็แค่ลุงแก่ๆ คนนึงแค่นั้นเอง เพื่อนที่ทำงาน หรือ ลูกศิษย์ ก็ไม่ตามมาดูแลเราตอนแบบว่าเดินไม่ไหวหรอก แม้แต่ลูกเองผมก็ยังไม่คาดหวังว่าจะมาดูแลผมเลย เพราะเข้าใจว่าถึงเวลาเขาก็ต้องมีสิ่งที่เขาต้องดูแล สิ่งที่ต้องทำไปตามวัย นี่ยังคุยกับภรรยาเลยว่า ใครจะตายก่อนกันใครตายที่หลังกลัวต้องอยู่คนเดียวไม่มีใครมาดูแล
6. คนส่วนใหญ่(ที่ผมเจอ) ไม่เคยชินกับการคิดไกลๆ
คิดไกลๆ ในที่นี่ของผมคือ แบบว่า 5 ปี 10 ปี อะไรประมาณนั้น เอาจริงๆ แค่คิดแบบนี้เราก็แตกต่าง แล้วมันทำให้เรามีคู่แข่งน้อยลงไปเยอะเลย เช่น แบบว่าลงทุนในหุ้น ถ้าเรามองแบบสั้นๆ เทรดแบบวันต่อวัน ผมว่ามันชนะยาก คู่แข่งมันเยอะ แต่ถ้ามองยาวๆ คู่แข่งมันจะน้อยลง แล้วก็โอกาสในการประสบความสำเร็จก็มีมากขึ้นด้วย (แต่ก็ไม่เสมอไปในทุกเรื่อง)
7. หาเวลาทำในสิ่งที่เราอยากจะทำจริงๆ
หลายปีที่ผ่านมาผมเป็นพวกแบบว่า ชีวิตติดตาราง ต้องทำโน่นนี่นั่น ตามตารางงานไปซะหมด แต่ปีนี้ผมเริ่มมาจัดการชีวิตใหม่ โดยตั้งต้นจากการจัดเวลาให้เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ บ้าง แทนที่เราจะทำตามความฝันของคนอื่น มันจะดีบ้างไม่ดีบ้างก็ยังได้ทำ แต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับวัยนี้คือ แบบว่า เรื่ยวแรงมันเริ่มถอถอย ไม่เหมือนเดิมล่ะ สังขารก็เริ่มร่วงโรยจริงๆ จัง แบบรู้สึกได้ ดังนั้น อยากทำไรก็ลองทำนะครับ
8. ดูแลสุขภาพให้ดี
สิ่งที่ผมให้ความสำคัญกับปีนี้มากคือ เรื่อง เวลานอน จำได้ว่านอนเป็นนิสิต มีอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ถ้าเราอยากเพิ่มเวลาในการทำงาน ให้เราเอาเวลานอนมาทำงาน เราจะได้เวลาเพิ่มมา ผมทำแบบนั้นมาหลายปี แต่!!!!!!!!! ปีนี้หลังจากที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับ สุขภาพ การพัฒนาตนเอง แล้ว How to หลายๆ เรื่อง พบว่า ส่วนใหญ่พูดเรื่องการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอนั้นสำคัญเป็นอันดับแรก ทำให้ปีนี้ผมแบบว่าจัดเวลาในการนอนให้ครบ 7 ชม.เป็นสิ่งที่ที่ทำในแต่ละวันเลย แบบว่าถ้าไม่อยากแก่เร็ว ไม่อยากตายเร็ว ก็จงเห็นความสำคัญของการนอนเป็นลำดับแรก และจงจัดเวลาให้มันอย่างจริงจัง อีกเรื่องคือ การออกกำลังกาย ปีนี้ผมออกกำลังกายค่อนข้างสม่ำเสมอ และรู้สึกว่าชีวิตดีขั้นพอสมควร
สุดท้ายนี้ก็เป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤต Covid-19 รอบนี้ ไปให้ได้นะครับ สำหรับผมรอบนี้แบบว่าจนลงเยอะเลย แต่ผมยังไม่แก่ ยังมีเวลาหาเงิน แต่วิกฤตรอบหน้าถ้ามีอีกก็น่าคิด และน่ากลัวเหมือนกัน เพราะ ถ้าผมแก่ด้วย แล้วก็จนด้วย นี่ไม่อยากจิตนาการเลยครับ จบแบบนี้แล้วกันครับผมเดี๋ยวปีหน้าไม่มีอะไรจะเขียน ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งครับ
Commentaires